รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
บางครั้ง เมื่อเราออกไปช่วยเหลือ ผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือ รัฐบาลบางแห่งกล่าวหาเราว่า พยายาม "จับ" ผู้คน ให้เข้ากลุ่มของเรา และบังคับให้พวกเขา ออกรายการโทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ เพื่ออะไร? แม้ว่าพวกเขาจะไปดูทีวีของฉัน อย่างไม่เต็มใจเพราะการพูดของฉัน ฉันบังคับพวกเขา หรือฉัน ชวนพวกเขาให้ดูทีวีของฉัน มันก็จะดีกับพวกเขาเช่นกัน พวกเขาจะได้บุญ บุญมหาศาล เพราะพวกเขา ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดี ไม่มีตัวอย่างที่ไม่ดีจากพวกเขา ในโทรทัศน์ของเรา มีแต่สิ่งดี ๆ เท่านั้นแล้วทำไมรัฐบาล ถึงกล่าวหาฉันว่า ใช้เงินเพื่อการกุศล เพื่อให้ผู้คนออกโทรทัศน์ นี่มันไร้สาระมาก ไอคิวต่ำมาก ฉันขอโทษ ฉันต้องพูด คนพวกนี้สร้างชื่อที่ไม่ดี ให้รัฐบาล พวกเขาไม่ควรอยู่ในตำแหน่ง ที่ได้รับความไว้วางใจ เพราะการพูดเช่นนั้น ทำให้ชื่อเสียง ของรัฐบาลเสียหาย และแม้แต่รัฐบาล ก็ไม่อยากจะกล่าวถึง ฉันหมายถึงรัฐบาลกลาง ผู้นำรัฐบาล จะไม่อยากให้ประชาชน เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของตน กล่าวหาผู้คน ในเรื่องแบบนั้น และถึงขั้นกล่าวหาผิด ๆ ด้วยซ้ำ ฉันจะบังคับคนแปลกหน้า ให้ไปออกทีวีได้ยังไง ฉันไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วยซ้ำและแม้กระทั่งคนของเราเอง ลูกศิษย์พระเจ้าของฉัน บางคน ก็ไม่ชอบออกทีวี พวกเขาขี้อายหรือเขินอาย หรือด้วยเหตุผลบางอย่าง เช่น พวกเขาอยู่ใน ธุรกิจบริษัท พวกเขามีชื่อเสียงใหญ่โตในสังคม หรือพวกเขาทำงานให้กับรัฐบาล พวกเขา ไม่อยากแสดงหน้าตา แล้วเราก็ไม่เคยบังคับพวกเขาเลย พวกเขาล้วนเป็นอาสาสมัคร พวกเขาสมัครใจ ให้เราออกทีวี และไม่ใช่ว่าพวกเขาทุกคน ฉันจะยอมรับ เพราะกรรมของพวกเขา หรือเพราะพวกเขา ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ เช่น พูดไม่ชัด หรือท่าทางไม่เหมาะสม เป็นต้น ดังนั้นจึงไม่ใช่ว่าทุกคน จะสามารถไปเป็นพิธีกร หรือทำ อย่างนั้นได้ บนโทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ และถ้าพวกเขารักษาศีลได้ไม่ดี ฉันก็จะไม่ให้พวกเขา เข้าร่วม สมาธิกลุ่มด้วยซ้ำและฉันบอกคุณอย่างแท้จริงว่า ถ้าฉันมีหลักฐานว่า พวกเขาทำอันตราย ให้กับลูกศิษย์คนอื่น ๆ ของฉัน หรือทำอันตรายให้กับบุคคล ภายนอกสมาคมของฉัน ฉันจะไปบอกรัฐบาล เพื่อให้พวกเขาหยุดทำร้ายผู้อื่น ด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าเรารับ คนเข้ามาเยอะ ๆ เพื่อให้มีกลุ่มใหญ่ ไม่ ๆ คุณรู้เรื่องนี้ทั้งหมดอยู่แล้ว เหล่าลูกศิษย์ที่แท้จริงของฉัน นับตั้งแต่เริ่มต้นภารกิจของฉัน มานานหลายสิบปี รู้ดีอยู่แล้วว่า รัฐบาลใด ๆ ก็สามารถสัมภาษณ์ลูกศิษย์ของฉัน คนใดก็ได้โดยที่ฉันไม่รู้ และถามพวกเขาได้ว่า สิ่งที่ฉันเล่าไปวันนี้ และเคยบอก มาตลอด เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ฉันรับประกันกับคุณได้เลยว่าทั้งหมด เป็นเรื่องจริง เพราะทุกคนในสมาคม ของฉัน เหล่าลูกศิษย์ของพระเจ้า ของฉัน ทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้ และพวกเขายังรู้ด้วยว่า ศิษย์บางคนที่เรียกตัวเองว่า ลูกศิษย์นั้นไม่ได้รับอนุญาต ให้เข้าร่วมการทำสมาธิกลุ่ม เว้นแต่ว่าพวกเขาจะสำนึกผิด อย่างจริงใจ และไถ่โทษการกระทำ อันเลวร้ายทั้งหมดของพวกเขาและเจิ่มตัมหรือรูมาจี หรือใครก็ตาม เขามีหลายชื่อมากมาย เป็นหนึ่งในกลุ่มคน ที่ถูกไล่ออกจาก กลุ่มจิตวิญญาณของฉัน หลายสิบปีแล้ว เพราะเขาไม่เคารพศีล เพราะเขาละเมิดศีล และทำความชั่วบางอย่าง ตามกฎ ของพุทธศาสนา ไม่ใช่แค่กฎของฉันเท่านั้น ผู้ใดที่ทำร้ายผู้อื่น ในทางใดทางหนึ่ง หรือกระทำการเสเสร้ง บางอย่าง เช่น แสร้งเป็นคนดีหรือเป็นพระ แต่ทำความชั่ว ผู้นั้น จะถูกขับออกจากสมาคมของฉัน และจะถูกขับออกจาก การคุ้มครองของฉันด้วย แต่ฉันคิดว่าเป็นอย่างนั้น จนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้ เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ฉันรู้ว่าเขายังอยู่ที่นั่น และเป็นเหมือนหนอนในแอปเปิล ที่คอยทำลายแอปเปิล และหลังจากที่ฉันรู้แล้ว ฉันก็เขียนจดหมายหาเขา แต่เขาไม่ได้ตอบฉัน ผู้ช่วยของเขา ตอบฉัน น่าจะเป็นผู้ช่วยที่เป็นพระ ที่สนิทคนหนึ่ง นั่นคือสิ่งที่พวกเขาบอกฉัน ว่าเป็น “คนรับใช้ใกล้ชิด” ฉันเดาว่า เขาช่วยเขาจนกระทั่ง เจิ่มตัมข่มขืนเขา ฉันขอโทษ สำหรับคำพูดหยาบคายเหล่านี้ แต่ฉันสามารถพูดอะไรได้อีก ฉันไม่อาจยกย่องคำนั้น หรือใช้คำอื่น เพราะมันไม่เหมาะสมในสวรรค์ เราไม่มีศีลใด ๆ เพราะผู้คน จะทำสิ่งดี ๆ ทั้งหมดโดยอัตโนมัติ เพราะจิตวิญญาณของพวกเขา สะอาดอยู่แล้ว และพวกเขารู้ทุกอย่าง และทั้งหมดที่พวกเขาทำคือฝึกฝน ความบริสุทธิ์ทั้งทางจิตวิญญาณ และร่างกาย ในร่างกายที่พวกเขาอยู่ ในมิตินั้น ๆ ในอาณาจักรนั้น ๆเรามีร่างกายมากมาย และในอาณาจักรทางกายภาพนี้ เราต้องมีร่างกาย แต่ในโลกจิตวิญญาณ เรามีกายทิพย์ ในโลกแห่งเหตุและผล เรามีกายแห่งเหตุและผล คือ กายแห่งโลกที่สอง ในโลกแห่งพรหม เรามีกายแห่งพรหมเมื่อเราอยู่บนสวรรค์ที่สูงขึ้นไป แม้เป็นเพียงส่วนที่เป็นทิพย์ที่สูงกว่า หรือกายแห่งเหตุและผล หรือกายแห่งพรหม เราก็ไม่ได้ทำสิ่งชั่วร้ายใด ๆ เพราะถ้าเราทำอย่างนั้น เราจะโดนเตะลงมา ยังระดับที่ต่ำกว่าหรือลงนรกทันที แต่ในโลกที่สูงกว่า คุณไม่คิดจะ ทำสิ่งที่เลวร้ายเลย ไม่มีใครทำอะไรที่เลวร้าย อยู่ดี ทุกคนจะทำสิ่งที่ดี ทุกคนจะฝึกฝนทางจิตวิญญาณ ถ้าพวกเขามีอาจารย์ที่ดี คอยสั่งสอนพวกเขาอยู่เสมอ แต่บางคน แม้อยู่บนสวรรค์ชั้นสูง หรือสวรรค์ชั้นพรหม ที่ไม่มีอาจารย์คอยสอน ฉะนั้นเมื่อกรรมดีของพวกเขาหมดลง พวกเขาก็จะต้อง กลับไปยังที่ที่กระแสกรรม มาพบกับพวกเขาในขณะนั้นกรรมนั้น ก็เปรียบเสมือนแม่น้ำ มีบริเวณ ที่แม่น้ำเล็ก ๆ ถูกปิดกั้น มีบริเวณที่น้ำไหลผ่าน มีบริเวณแคบ ๆ มีบริเวณที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน มีบริเวณที่น้ำไหลออกมา เป็นทะเลสาบ ฉะนั้น พวกเขาอยู่ในระดับใด ของกระแสกรรม พวกเขาก็จะเป็นอย่างนั้น พวกเขาอาจจะเป็นมนุษย์อีกครั้ง เป็นคนดีและร่ำรวยและมีชื่อเสียง หรือเป็นมนุษย์ธรรมดา ๆ ชนชั้นกลาง หรือมนุษย์ที่ยากจน หรือเป็นมนุษย์ที่ทุกข์ทรมาน หรือมนุษย์ที่เจ็บป่วย มนุษย์ที่พิการ ฯลฯ มีหมวดหมู่ต่าง ๆ มากมาย หรืออาจกลายเป็น ชาวสัตว์ ชาวสัตว์ร้าย หรือชาวสัตว์ที่ดี ทุกข์ทรมานนานาชนิด หรือพวกเขา อาจลงนรกโดยตรงก็ได้ ตามการกระทำของตนในอดีตชาติ ทั้งดีและชั่ว พวกเขาจะได้รับสิ่งนั้น เมื่อพวกเขาหมดสิ้นกรรมดี บนสวรรค์ชั้นสูงแม้กระทั่งราชาแห่งสวรรค์บางแห่ง ก็ยังมีชะตากรรมเดียวกัน เมื่อกรรมดีของพวกเขาหมดลง พวกเขาก็จะต้องกลับมาเกิดใหม่ ในระดับต่าง ๆ ตามนั้น เพราะฉะนั้น เหล่าราชาแห่งสวรรค์ทั้งหลาย จึงบูชาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่เสด็จมาจุติบนโลกเสมอ เนื่องจากโลกนั้น อยู่ใกล้กับสวรรค์เหล่านั้นมากกว่า พวกเขาไม่สามารถ ก้าวข้ามสวรรค์ระดับที่สาม เพื่อที่จะเป็นอิสระตลอดไป แม้กระทั่งในระดับที่ต่ำกว่า เช่น ระดับที่สี่ พวกเขาไม่สามารถไปที่นั่นได้ ฉะนั้นถ้าพระพุทธเจ้าพระองค์ใด ปรากฏบนโลก พวกเขาก็จะบูชา และมาสักการะพระองค์ พวกเขาติดตามพระองค์เหล่านั้น เพื่อเฝ้าดูและฟัง เมื่อพวกท่านเข้าฌาน หรือพวกท่านเทศนา ณ ที่ใดก็ตาม และพวกเขาอ้อนวอนขอพระพุทธเจ้า ให้สอนพวกเขา ให้ได้มีสถานะที่สูงขึ้น หรือชำระล้างกรรมของตนฉะนั้น แม้ว่าบุญในการเป็นกษัตริย์ ของพวกเขาจะหมดลงแล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องลงไปสู่ ระดับที่ต่ำกว่า หรือลงนรกอีกต่อไป พวกเขาก็สามารถเป็นลูกศิษย์ ของพระพุทธเจ้าต่อไปได้ และที่ใดที่พระพุทธเจ้า เสด็จไปทั่วทั้งสวรรค์ พวกเขาก็สามารถเข้าฟัง พระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า ในสวรรค์ชั้นต่ำได้ แต่แล้วพวกเขาก็ยังคง ขัดเกลาตนเอง และมุ่งสู่ระดับสวรรค์ที่สูงกว่า ฉันขอโทษด้วย ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีนัก กรรมมากเกินไปเห็นมั้ย แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ ก็ยังบูชาพระพุทธเจ้า เมื่อรู้ว่า พระพุทธเจ้าพระองค์ใดปรากฏ และหากพวกเขาได้รับอนุญาตให้รู้ พวกเขาก็จะมา พวกเขาจะมาที่ใดก็ได้ ที่พวกเขาจะมาได้จากสวรรค์ไปโลก มันง่ายกว่า ตั้งแต่ระดับพรหมไปยังโลก มันง่ายกว่าสำหรับพวกเขา ที่จะปรากฏเวลาไหนก็ได้ แม้จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แน่นอน หากพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม พระพุทธเจ้าในขณะนั้นทรงมีพลัง มหาศาล และเปิดรับทุกคน ดังนั้น แม้กระทั่งอสูรหรือผี ก็สามารถเข้ามาฟังได้เช่นกัน หากพวกเขาไม่ใช่พวกชั่วร้าย ที่ทำงานให้มายา แล้วพวกเขาก็สามารถ มาฟังพระธรรมเทศนา ของพระพุทธเจ้าบนโลกได้ เพราะมันง่ายกว่าสำหรับพวกเขา ที่จะลงมา แต่พวกเขาไม่สามารถขึ้นไปยังระดับ ที่สูงกว่า เพื่อเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ถ้าพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม ในระดับที่สี่ แก่สรรพสัตว์ระดับที่สี่ หรือแก่สรรพสัตว์ระดับที่ห้า ผู้คนตั้งแต่ระดับที่สาม ระดับพรหม ไปจนถึงระดับอสูร หรือระดับมนุษย์ ก็ไม่สามารถขึ้นไปฟังได้ เว้นแต่พวกเขาจะเป็นนักบุญ ระดับที่สูงกว่า แน่นอน หรือเป็นลูกศิษย์พระเจ้า ซึ่งเป็นลูกศิษย์พระเจ้าที่พัฒนาสูง ของอาจารย์ผู้นั้น เช่นนั้นแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาสามารถ ก้าวไปสู่ระดับที่สูงกว่าระดับที่ห้า เพื่อฟังคำสอนของอาจารย์ ของพวกเขาได้ แต่พวกเขาก็ต้องหมั่นฝึกฝน อย่างขยันขันแข็ง เพราะบนสวรรค์ที่ต่ำกว่า พระพุทธเจ้า จะไม่ค่อยปรากฏบ่อยนัก เหมือนกับที่พระพุทธเจ้า ไม่ได้ปรากฏบนโลกบ่อยนัก และไม่เป็นที่รู้จักได้ง่ายนัก ด้วยเหตุนี้ มนุษย์ส่วนมาก จึงไม่รู้จักพระคริสต์ หรือพระพุทธเจ้า หรือคุรุนานัก หรือพระศาสดามูฮัมหมัด สันติสุขจงมีแด่พระองค์ สันติสุขจงมีแด่อาจารย์ทั้งหลาย พวกเขาจำพวกท่านไม่ได้Photo Caption: รักที่จะแต่งแต้มความสวยงามรอบตัว