รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
ในสมัยก่อน หากพระราชาประสงค์ จะอ่านรายงาน ต้องใช้เวลานานมาก – บางครั้งเป็นวัน เป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรือเป็นปี – กว่าจะได้รายงานทั้งหมดที่ต้องการ ทุกวันนี้ ฉันรู้สึกว่า ตัวเองดีกว่าเป็นกษัตริย์ ฉันแค่ดูบนเว็บแล้วก็ เห็นสิ่งที่ฉันต้องการ และในสมัยก่อนหากพระราชา ต้องการจะส่งข่าวออกไป ประชาชนจำนวนมากก็ต้องวิ่ง ขันทีจำนวนมากต้องจัดการ อย่างกระวนกระวายใจ ม้าจำนวนมากต้องกางกีบ ไปทั่วแผ่นดิน และผู้คนจำนวนมากต้องคอย รอคอยรับคำสั่งจากกษัตริย์ และการกลับมาของคำสั่ง ในปัจจุบันนี้เราสามารถ แค่กดปุ่มแล้วก็ส่งได้และในปัจจุบันนี้ การตรวจสอบข่าวปลอม เป็นเรื่องง่ายมาก แล้วผู้คนก็ยังกล้าที่จะ เผยแพร่ข้อมูลเท็จ อย่างแม้แต่พระ พูดจาไร้สาระ ปฏิเสธ พระพุทธเจ้าทั้งหลายและทั้งหมดนั่น และเจิ่มตัม เขาปลอมพินัยกรรมของฉัน ฉันไม่เคยมีพินัยกรรมให้ใครเลย เพียงแค่บทกวีของฉัน ฉันทำมันเพื่ออดีตคู่หมั้นของฉัน เมื่อนานมาแล้ว – หลายทศวรรษที่ผ่านมา เขาใช้มัน! เขาใช้มันแล้วบอกว่าเป็นพินัยกรรม ของฉัน โอ้พระเจ้า และเหว่บู๋ก็บอกว่า เขาคือพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า โอ้ อามิโทโฟ! คุณอยากเห็นเขาเป็น พระศรีอริยเมตไตรยของคุณไหม?ดูสิ ในปัจจุบันนี้ หากมีใครสักคนกล่าวหา คุณในเรื่องใด ๆ ก็ตาม คุณก็มีโอกาสมากขึ้นที่จะพิสูจน์ ว่าคุณบริสุทธิ์ และรวมถึงข่าวปลอมใด ๆ ที่พูดเกี่ยวกับคุณ ถ้าคุณรู้เกี่ยวกับมัน คุณสามารถชี้แจง และตอบกลับได้ทันที เพียงแค่ฉันไม่เคยทำมาก่อน เพราะไม่เคยดูเว็บไซต์เลย จนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้ ฉันทำแต่เรื่องของฉันเท่านั้น และฉันดูแลเรื่องของฉันเอง นั่นคือเหตุผล และคุณลูกศิษย์ทั้งหลาย คุณก็มีหนทางมากกว่าฉัน ถ้ามีอะไรผิดปกติ ข่าวปลอมใด ๆ คุณต้องรายงานฉัน เพื่อฉันจะได้จัดการกับมันได้ หรืออย่างน้อยฉันก็อธิบายให้คุณได้ เพื่อที่คุณจะได้ไม่สงสัยในสิ่งที่เราทำสำหรับโทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ยกตัวอย่าง อย่างนั้น แต่ผู้คนยังสามารถหาช่องทาง อันแยบยลในการใส่ร้ายเรา และกล่าวหาเราอย่างผิด ๆ ได้ ทั้งหมดนี้มันผิด พวกเขาไม่กลัวนรก แม้ว่าคุณจะไม่เชื่อว่าฉัน เป็นพระพุทธเจ้าหรืออะไรก็ตาม คุณรู้ว่าฉันทำแต่เรื่องดี ๆ และฉันพูดแต่เรื่องดี ๆ ฉันไม่เคยพยายามที่จะทำร้ายใคร หรือพูดอะไรบางอย่างที่เป็นอันตราย ต่อใคร และไม่เคยกล่าวหาใครผิด ๆ แล้วพวกเขาก็ทำแบบนั้นกับฉันด้วยหากคุณทำร้ายคนบริสุทธิ์ และคนดี คุณจะต้องได้ รับโทษในนรกมากกว่าที่ คุณทำกับคนเหล่านั้น ถึง 10,000 เท่า แต่บางคนก็ไม่กลัวนรก เพราะพระบางรูปถึงกับ บอกว่าไม่มีนรกเลย และเหมือนกับที่โป๊ปฟรานซิส สนับสนุนว่า พระเจ้าจะทรงอภัยทุกสิ่ง ดังนั้นจงทำบาปต่อไปได้อีก เพราะงั้นสังคมถึงได้แย่ เพราะคนที่เรียกตัวเองว่า ผู้นำของสังคม ผู้นำศาสนา ที่ประชาชนเชื่อถือ และศรัทธานั้น พูดแต่เรื่องไร้สาระ และทำสิ่งตรงกันข้าม เพราะพวกเขาชั่วร้าย พวกเขามาจากด้านลบ ของจักรวาลดังนั้นคุณต้องรู้ว่าใครเป็นใคร และดูแลตัวเองให้ดี จะได้ไม่ตามพวกเขา ไปตกนรก นั่นคือสิ่งเดียวที่ ฉันอยากจะเตือนคุณ พวกเขาสามารถทำสิ่งที่พวกเขา ต้องการและพวกเขาไปลงนรกได้ แต่คุณไม่จำเป็นต้องติดตาม พวกเขาไปลงนรกด้วย จงระมัดระวัง อย่ายุ่งเรื่องของคนอื่น ถ้ามีอะไรผิดปกติ – เพราะฉันไม่มีเวลา ตรวจสอบอินเทอร์เน็ต เพื่อดูข่าวปลอมเสมอไป แต่คุณมีโอกาส คุณมีเวลามากกว่าฉัน – คุณต้องบอกฉัน อย่าให้ถึง 20 ปีให้หลัง ที่ฉันเองต้องมารู้ เช่นเกี่ยวกับ เจิ่นตัม หรือเหว่บู๋ ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณ กำลังทำอะไรอยู่ ฉันไม่เคยสอนคุณในสิ่งที่ เจิ่นตัม หรือ เหว่บู๋ ทำ คุณก็ต้องรู้ว่ามันผิดทั้งหมดคุณต้องรู้ว่ามันไม่ได้มาจากฉัน และถ้าคุณอ่านบทกวีของฉัน หรือแม้แต่ได้รับ หนังสือบทกวีของฉันมาก่อน คุณคงจะอ่านมัน และเข้าใจว่ามัน ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย! ฉันเขียนบทกวีนี้เพราะ เราเลิกกันแล้ว ฉันมีคู่หมั้น อยู่ก่อนสามีเก่า เขาก็เป็นหมอด้วย เขามาพบฉันในร้านอาหาร แล้วอีกสองสามครั้ง เขาก็เชิญฉันไปที่บ้านของเขา ซึ่งเป็นคลินิกของเขา แล้วเขาก็อยากจะแต่งงานกับฉัน เขาแสดงให้ฉันเห็นหีบ ที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับ เพชร และสิ่งของอื่น ๆ แล้วเขาก็ยังต้องการให้ ฉันไปประชุมกับพนักงาน ที่คลินิกของเขา เพื่อแนะนำฉันให้พวกเขารู้จัก ในฐานะคนรักของเขาด้วย แต่ฉันก็ขี้อายเกินไป ฉันคิดว่า “ฉันจะทำอย่างไรที่นั่น? ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา ฉันไม่รู้จักอะไร เกี่ยวกับคลินิกของคุณเลย” ฉันเลยไม่ได้ไป ฉันปฏิเสธที่จะไปด้วยซ้ำ แล้วหลังจากที่เราหมั้นกันแล้ว ฉันก็ทำงานกับ ผู้ลี้ภัยชาวเอาหลัก (เวียดนาม) ในค่ายผู้ลี้ภัยใน อาคารที่พักของผู้ลี้ภัย มันชื่อ อัลลาค เอ-แอล-แอล-เอ-ซี-เอชในขณะนั้น ผู้ลี้ภัยชาวเอาหลัก (ชาวเวียดนาม) หลั่งไหลเข้ามาในเยอรมนี ตลอดจนประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และไม่มีอะไรเลย หรือบางคนไม่มีอะไร ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวมาด้วยซ้ำ ดังนั้นคาร์ริตัสและ รัฐบาลเยอรมนีในสมัยนั้น อวยพรพวกเขา ขอพระเจ้าอวยพรพวกเขา และนำพวกเขาไปสู่สวรรค์นิรันดร พวกเขาต้องนำผ้าห่ม และรอที่สนามบิน เพื่อห่มให้ผู้ลี้ภัย ให้พวกเขาอบอุ่น และนำพวกเขาขึ้นรถบัส เพื่อไปที่ใดก็ได้ ที่มีอาคารว่างให้ พวกเขาพาผู้ลี้ภัยไป ฉันทำงานอยู่ที่เยอรมนี สองค่ายในช่วงนั้น ครั้งแรกอยู่ที่อัลลาค นั่นคือจุดที่ฉัน หมั้นแล้วกับหมอคนแรก ที่พบฉัน แล้วหลังจากที่เราเลิกกัน... เพราะฉันทำงานหนักเกินไป ฉันก็ย้ายตอนแรกเราอยู่ด้วยกัน แต่แล้วฉันก็ย้ายไป ที่ค่ายผู้ลี้ภัยเพราะ ที่นั่นมีงานมากมาย และฉันแทบจะเป็น ล่ามเพียงคนเดียว ตลอดทั้งวัน ตลอดทั้งคืน ฉันต้องพาพวกเขาไป โรงพยาบาล พาพวกเขาไป ที่คลินิกสูติศาสตร์ ของโรงพยาบาลเพื่อคลอดบุตร และอื่น ๆ ทั้งหมด และในเวลากลางคืนบางที พวกเขาก็ทะเลาะกันหรือ ต่อสู้กันด้วยเหตุผลบางอย่าง – มันแน่นเกินไป และผู้คนก็วิตกกังวล และไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กับพวกเขาต่อไป ฉันก็อยู่ที่นั่นตลอด ทั้งวันทั้งคืนเช่นกัน ตอนแรก ฉันยังมีเวลา ที่จะกลับบ้านอีกสักหน่อย เป็นเวลาหลายชั่วโมง หลังจากนั้น ฉันไม่มีเวลาเลย ใช้เวลาทั้งวันทั้งคืน อยู่ในห้องเล็ก ๆ แห่ง หนึ่งในค่ายผู้ลี้ภัย ฉันจะทำอาหารที่นั่น กินข้าวที่นั่น และนอนที่นั่น และพาพวกเขา ออกไปที่ใดก็ตามที่จำเป็น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโรงพยาบาล และแม้แต่หมอฟัน – พวกเขามีปัญหาสารพัดในตอนนั้น เพราะพวกเขาเพิ่งมา และบางคนก็ป่วย หรือฟันหัก เพราะถูกโจรสลัดทำร้าย และพวกเขาก็มีอาการติดเชื้อ และบวม และยังมีเด็กที่เพิ่งเกิด – สารพัดสิ่งฉันขอให้เขามา ช่วยฉันเพราะฉัน กลับบ้านไม่ได้ และเขาก็มาเล่นกับเด็ก ๆ บ้าง เป็นบางครั้ง การเยี่ยมเยียนกันของเราก็ เริ่มลดน้อยลง และเราก็ได้ ติดต่อกันน้อยลง เวลาก็เลย น้อยลงไปด้วย ดังนั้นเราจึง เลิกกันในที่สุด และนั่นคือ วิธีที่ฉันเขียนบทกวีนี้ มันอกหักเหมือนกับว่า "ถ้าฉันตายพรุ่งนี้ ฉันจะทิ้งมรดกนี้และ มรดกนั้นไว้ให้คุณ" จริง ๆ แล้วฉันไม่มีอะไรมาก มันเป็นเพียงบทกวี แบบ: "ฉันรู้สึกว่างเปล่า ชีวิตฉันว่างเปล่า และอกหัก" นั่นเพื่อเขา ฉันบอกชื่อเขาไม่ได้ แต่เขาเปิดคลินิกส่วนตัว กับพ่อแม่แล้ว – ครอบครัวร่ำรวยและเขาก็แนะนำฉันให้ทุกคนใน ครอบครัวของเขาที่ยังเหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นพี่น้อง ชาย หญิง และเขายังพาหลานสาว ... ตัวน้อยของเขา ที่เพิ่งเกิดเมื่อเดือนที่แล้ว มาแนะนำให้ฉันรู้จักด้วย เขาเป็นคนจริงใจมาก ผู้ชายที่ดี เขาทำอาหารให้ฉันอยู่เสมอ ราวกับว่าฉันไม่รู้วิธีทำอาหาร เขาทำ เขาทำอาหาร เขาทำอาหารได้อร่อยมาก ฉันไม่รู้ว่าทำได้ยังไง เป็นหมอเยอรมันที่ สามารถทำแกง แกงแบบไทย และแม้แต่ซุปเอาหลัก (เวียดนาม) และอื่น ๆ อีกมากมายได้ ฉันก็เลยปล่อยเขาไปเราเคยมีความสุขจนกระทั่ง ปัญหาของผู้ลี้ภัยชาวเอาหลัก (เวียดนาม) เข้ามาในชีวิตของฉัน และฉันไม่สามารถทิ้ง ปัญหาเหล่านั้นไว้ที่นั่นได้ ไม่มีใครอยู่ที่นั่นในเวลากลางคืน – ไม่ค่อยมีอาสาสมัคร มาหนึ่งหรือสองคน แต่พวกเขา ก็มาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือ บางทีก็หนึ่งวัน และจากนั้น พวกเขาก็ต้องไปทำงานและครอบครัว ของตนเองที่ห่างไกลจากค่าย มีเพียงฉันเท่านั้นที่อยู่ที่นั่น ตลอดทั้งวันทั้งคืน แม้ว่าจะไม่มี พนักงานคนอื่นอยู่ที่นั่นอีกแล้วก็ตาม และแน่นอนว่าผู้ชายก็คือผู้ชาย พยาบาลคนหนึ่งพบเขาเพราะเขา ยังทำงานเป็น... แพทย์ บางครั้งทำงาน ในคลินิกของตนเอง แต่พวกเขาก็อยาก มีประสบการณ์ในโรงพยาบาลอื่นด้วย เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลามากนัก ที่จะขับรถเป็นระยะทางไกล ๆ เพื่อมาหาฉัน ที่ค่ายผู้ลี้ภัย และเมื่อเขาอยู่ที่นั่น ยังไงฉันก็ยุ่งอยู่แล้วบางทีฉันไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วยซ้ำ ฉันพาผู้ลี้ภัยไปหาหมอฟัน ไปโรงพยาบาล และ โรงพยาบาลต่าง ๆ ในวันเดียวกัน ฉันพาพวกเขาไปโน่นไปนี่ แล้วต่อมาฉันก็จะไปที่นั่น ที่นี่ ที่นี่ เพื่อรวบรวมพวกเขาทั้งหมด แล้วนำกลับบ้าน พวกเราทั้งคู่เลย มีเวลาไม่มากนัก และแน่นอนว่าฉันไม่มีความสุขเลย แต่ฉันต้องทำ และแล้วพยาบาลก็พบเขา และพวกเขาก็อยู่ด้วยกันได้ดี ฉันเสียใจมากอยู่แล้ว แต่ฉันก็ยุ่งมากด้วย และเขาก็ดำเนินชีวิตของเขาต่อไป ส่วนฉันก็ดำเนินชีวิตของฉันต่อไปหลังจากนั้นฉันก็ได้พบกับ คู่หมั้นคนที่สองของฉัน ซึ่ง เป็นหมอที่แต่งงานกับฉัน คุณคงรู้จักเขาดี เขามีรูปถ่าย และอื่น ๆ มากมายให้คุณได้ดู เขาไม่ได้อายุมากกว่าฉัน เหมือนที่พระคนหนึ่งโกหกไว้ คือ พระ ติช มินห์ ตันห์ เขา (พระที่สวมผ้า คาดเอวหลากสี) บอกว่าสามีของฉัน อายุแก่มาก และเขาพาฉันไปเยอรมนี จากเวียดนาม มันไม่จริงเลย เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย หรือบางทีเขาอาจจงใจพูดไป ว่า ฉันมีค่าพอที่จะได้ เจอผู้ชายแก่ ๆ คนหนึ่ง
Apr. 12, 2021, Thích Minh Tánh: แม่ชีชิงไห่ไปต่างประเทศ ท่านทำงานเป็นพยาบาล (ค่ะ) และให้การรักษาใน... ตอนอยู่ที่เวียดนาม [ท่าน] พบชาวเยอรมัน เขาเป็นชายแก่แล้ว ท่านแต่งงานกับเขา แล้วเขาก็พาท่านไปเยอรมนี
ไม่ ไม่เป็นความจริง เขาอายุแก่กว่าฉันเพียงหนึ่งปี เราเกิดวันเดียวกันเลย เขาอายุมากกว่าฉัน หนึ่งปีถ้านับวันเกิด จริง ๆ ซึ่งไม่ใช่ วันเกิดฉันอยู่แล้ว เขาอายุมากกว่าหนึ่งปี ถ้าจะนับแบบนั้น แต่ชาวตะวันตกคงจะดู แก่กว่านิดหน่อย และ เขาก็มีเครา ก็เลยดูแก่กว่านิดหน่อย แต่เขาไม่ใช่ อายุมากกว่าฉันแค่หนึ่งปีเท่านั้น ฉันบอกคุณหลายครั้งแล้วว่าเขาคือ สามีที่ดีที่สุดที่คุณจะหาได้ และคู่หมั้นก็เป็น คนดีมากเช่นกัน โอ้ พระเจ้า ถ้าพวกคุณ แต่งงานกับผู้ชายสองคนนี้ คุณคงมีความสุขตลอดไป คุณคงไม่ต้องการผู้ชายอื่นอีกแล้ว คุณคงไม่อยากมอง ผู้ชายอื่นเลยด้วยซ้ำ แล้วตอนนี้หลังจากนั้น ฉันก็ แต่งงานกับคู่หมั้นคนที่สอง และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆPhoto Caption: การผสมผสานที่ดี ทำให้หลายชีวิตสดใส!
