ค้นหา
ไทย
  • English
  • 正體中文
  • 简体中文
  • Deutsch
  • Español
  • Français
  • Magyar
  • 日本語
  • 한국어
  • Монгол хэл
  • Âu Lạc
  • български
  • Bahasa Melayu
  • فارسی
  • Português
  • Română
  • Bahasa Indonesia
  • ไทย
  • العربية
  • Čeština
  • ਪੰਜਾਬੀ
  • Русский
  • తెలుగు లిపి
  • हिन्दी
  • Polski
  • Italiano
  • Wikang Tagalog
  • Українська Мова
  • อื่น ๆ
  • English
  • 正體中文
  • 简体中文
  • Deutsch
  • Español
  • Français
  • Magyar
  • 日本語
  • 한국어
  • Монгол хэл
  • Âu Lạc
  • български
  • Bahasa Melayu
  • فارسی
  • Português
  • Română
  • Bahasa Indonesia
  • ไทย
  • العربية
  • Čeština
  • ਪੰਜਾਬੀ
  • Русский
  • తెలుగు లిపి
  • हिन्दी
  • Polski
  • Italiano
  • Wikang Tagalog
  • Українська Мова
  • อื่น ๆ
ชื่อ
การถอดเสียง
ต่อไป
 

เรื่องราวของพระมหากัสสปะ(วีแกน) ตอนที่ 5 จาก 10 ตอน

รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
ดังนั้น ทุกอย่างที่คุณทำ เพื่อผู้อื่น จำไว้ คุณจะต้องรับกรรม มันเป็นไปไม่ได้ ที่คุณช่วยใครสักคน แล้วคุณจะไร้กรรม มันไม่ใช่อย่างนั้น ทางใดทางหนึ่ง คุณจะต้องรับบางส่วน

มีเรื่องหนึ่งในอินเดีย ชายคนหนึ่งเรียนจากอาจารย์ท่านหนึ่ง ว่าเขาไม่ควรให้สิ่งต่าง ๆ แก่คนยากจน หรือคนเลว เพราะ เขาจะกลายเป็นคนจน หรือเขาจะไปนรกเอง สำหรับกรรมเหล่านั้นที่คน เขาช่วยทำไป โอ้ คน ๆ นั้นกระโดด โลดเต้น แล้วพูดว่า “โอ้ มันดีมาก ดีมาก ดีมาก โอ้ ทุกคนมีความสุขได้ และเป็นอิสระและมีสิ่งที่พวกเขาต้องการ ฉันคนเดียวสามารถไปนรก มันเป็นข้อตกลงที่ดีมาก เป็นธุรกิจที่ดี” ดังนั้น มันขึ้นอยู่กับว่าใครได้ยินมัน และใครต้องการทำอะไร ให้ใครในโลกนี้

นั่นคือเหตุผลที่อาจารย์ พวกท่านไม่สนใจ พวกท่านรู้ว่างานของพวกท่านนั้นยาก และพวกท่านรู้ว่าความทุกข์ทรมาน ของพวกนั้นจะยิ่งใหญ่ สม่ำเสมอ ไม่หยุดหย่อน ทุกวัน ในสถานการณ์ต่าง ๆ หรือแม้แต่บางครั้งในนรก หรือบางครั้งในระดับต่ำกว่า อย่างระดับโลกทิพย์ หรือถูกลงโทษ ที่นี่บนโลก! แต่พวกเขาเพียงทำมันเพราะ พวกท่านไม่สามารถไม่ทำได้

เช่น มีเรื่องหนึ่งของอาจารย์ท่านหนึ่ง และลูกศิษย์ที่อยู่ บนเรือ ข้ามแม่น้ำ แต่อาจารย์เห็น ชาวแมงป่องตะเกียกตะกาย ในน้ำ ท่านจึงยื่นมือของท่านออกไป เพื่อช้อนชาวแมงป่องขึ้นมา แล้วท่านพยายามเอาเขาใส่เรือ เพื่อที่ชาวแมงป่อง จะไม่จมน้ำ แล้วชาวแมงป่องก็กัดท่าน แล้วก็กระโดด กลับลงแม่น้ำ คลานกลับลงแม่น้ำ แล้วตะเกียกตะกายอีกครั้ง และอาจารย์ยื่น มืออีกข้างไปจับเขา แล้วสิ่งเดียวกัน เกิดขึ้นอีก: ท่านถูกกัด แล้วชาวแมงป่องก็พยายาม คลานหนี แต่แล้ว ตอนที่เขา คลานออกไปจากเรือ เขาตกลงแม่น้ำอีกครั้ง อาจารย์จึงยื่นมือของท่าน ไปหยิบ ชาวแมงป่องอีกครั้ง

แล้วลูกศิษย์ก็หยุดท่าน จับมือของท่านแล้วพูดว่า “ชาวแมงป่องจะกัดท่าน อีกครั้งไม่ใช่หรือ?” อาจารยตอบว่า “ใช่ เขาจะทำ” ลูกศิษย์จึงถามท่าน “ทำไมเขา จึงกัดท่านอีกล่ะ?” แล้วอาจารย์ตอบว่า “มันเป็นธรรมชาติของเขาที่จะทำสิ่งนั้น” ลูกศิษย์จึงถามอาจารย์ว่า “แล้วทำไมท่าน ยังพยายามช่วยเขาล่ะ? ท่านจะเจ็บตัว เขาจะกัดท่านอีกครั้ง” อาจารย์จึงพูดว่า “เพราะ มันเป็นธรรมชาติของฉันที่ทำสิ่งนั้น ดังนั้น ถ้าชาวแมงป่องหยุดไม่ได้ ควบคุมธรรมชาติของเขาเองไม่ได้ ฉันเอง ก็เช่นกัน ไม่สามารถควบคุมธรรมชาติของฉันได้ ฉันจะแย่กว่าชาวแมงป่องไม่ได้ ชาวแมงป่องทำ สิ่งที่เขาต้องทำ ฉันทำสิ่งที่ฉันต้องทำ”

มันตลกมาก แต่ก็เศร้ามาก นั่นคือเหตุผลที่อาจารย์หลายท่านทุกข์ ตั้งแต่กาลนาน พวกท่านไม่เคยมีชีวิตที่ดี พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์อย่างโหดร้าย บนไม้กางเขน และอัครสาวกของท่าน อัครสาวกสิบสองคนที่ใกล้ชิดที่สุด ก็ตายอย่างโหดร้ายเช่นกัน พระเจ้า ฉันไม่รู้ว่ามนุษย์ ทำสิ่งเช่นนั้นได้อย่างไร พวกเขาอาจจะไม่ใช่มนุษย์ พวกเขาถูกปีศาจเข้าสิง หรือพวกเขาเอง เป็นปีศาจมาเกิด มันเป็นไปได้มาก เช่นเดียวกันนักบุญ สามารถเกิดบนโลกนี้ได้ ปีศาจก็สามารถ มาเกิดบนโลกนี้ได้เช่นกัน ในภูมิภาคต่ำกว่า ของจักรวาล มันเป็นอย่างนั้น แล้วเราก็ติดหนี้อาจารย์ทุกท่าน ตั้งแต่กาลนาน ผู้ได้ช่วยชีวิตพวกเรา ครั้งแล้วครั้งเล่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ตอนนี้ เรากลับไปที่พระมหากัสสปะ หลังจากการแต่งงานของพวกเขา ภรรยาอยากจะ หนีไปหรือ ไปหาอาจารย์ เพื่อบำเพ็ญ เพื่อหลุดพ้น เพื่อรู้แจ้ง แต่พระมหากัสสปะบอกเธอว่า “รออีกหน่อยเถิด เราทิ้งพ่อแม่ ไว้แบบนี้ไม่ได้” ท่านกตัญญูมากเช่นกัน และเป็นลูกชายที่ดี หลังจากนั้นไม่กี่ปี พ่อแม่ก็เสียชีวิต แล้วพระมหากัสสปะ บุตรชาย ก็ขายทรัพย์สินทั้งหมด และแบ่งปันให้กับคนรับใช้ ที่ทำงานในบ้านของท่าน ในสมัยพ่อแม่ของท่าน ตั้งแต่ท่านยังเด็ก และมอบให้กับคนยากจน ในบริเวณใกล้เคียงด้วย และเหลือไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพียงพอสำหรับการอยู่รอด และจากนั้น พระมหากัสสปะกล่าวกับภรรยาว่า “ถนนข้างนอกนั้นยาวไกล และยากลำบาก เจ้าจงอยู่ที่นี่ รอข้า ถ้าข้าพบอาจารย์ ข้าจะกลับมาหาเจ้า”

พระมหากัสสปะจึงเดินทางต่อไป เดินทางไปทุกที่ และท่านพบ ผู้ที่เรียกว่าอาจารย์มากมาย แต่ท่านไม่รู้สึกว่า พวกเขาดีพอสำหรับท่าน แล้ววันหนึ่งท่านได้พบกับ พระศากยมุนีพุทธเจ้า และหลังจากการสนทนากันสักพัก ท่านก็รู้ว่านี่คือบุคคลที่ท่านตามหา ท่านกระตือรือร้นอย่างยิ่ง ที่จะเป็นลูกศิษย์ของพระองค์ ท่านคุกเข่าลงบนพื้น และร้องขอ ท่านจึงเป็นศิษย์ ของพระพุทธเจ้า เป็นพระ แล้วท่านก็มีความสุขมาก ศึกษากับพระองค์ ออกไปบิณฑบาต แล้วก็ ศึกษาและนั่งสมาธิ ทุกอย่างก็ดีมาก และสงบสุขมาก อย่างที่ท่านต้องการ และท่านได้เป็น พระอรหันต์อย่างรวดเร็ว

แต่เพราะว่าเมื่อก่อนนั้น ท่านบิณฑบาตและ ฉันอาหารเพียงวันละมื้อเท่านั้น ดังนั้น เมื่อท่านติดตามพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็ทำอย่างนั้นต่อไป และพระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญท่าน และพระมหากัสสปะ เมื่อท่านอายุมากแล้ว พระพุทธเจ้ายังทรงแนะนำท่าน ด้วยว่า ท่านควรฉัน อาหารที่ดีกว่านี้ ร่วมกับภิกษุสงฆ์ด้วย เพื่อว่าท่านจะมีสุขภาพที่ดีขึ้น ร่างกายดีขึ้น แต่พระมหากัสสปะ ปฏิเสธว่าท่านทำไม่ได้ ท่านเคยชินกับ การฉันอาหารมื้อเดียว ชินกับพระวินัยแบบนี้ พระวินัย 13 ประการ ท่านจึงไม่สามารถเปลี่ยนได้ พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “โอเค ดี ดี เจ้าจะอยู่แบบนั้นต่อไปก็ได้ ตราบใดที่เจ้าสบายดี” และพระมหากัสสปะก็สบายดี และท่านก็ยังสบายดี

และฉันก็ขอบพระคุณท่านอย่างมาก ฉันอยากจะบอกท่านอีกครั้งว่า ฉันเชิดชูของขวัญ พระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างมาก ฉันไม่รู้จะหาคำไหน มาแสดงความรู้สึก ว่าฉันซาบซึ้งใจเพียงใด และพระมหากัสสปะ ส่งชามมาให้ฉันเหมือนบาตร สำหรับบิณฑบาต และ ผ้าสีเหลืองผืนเล็ก ๆ

“พระมหากัสสปะยังคงนั่งอยู่ ในสมาธิที่ภูเขาตีนไก่ รอคอย พระศรีอริยเมตไตรยเสด็จมาปรากฏ ในโลก เมื่อถึงเวลานั้น ท่านจะถวาย ชามแด่พระศรีอริยเมตไตรยซึ่ง ราชาสวรรค์ทั้งสี่ ถวายแด่พระศากยมุนีพุทธเจ้า และพระศากยมุนีพุทธเจ้าทรงมอบ ให้ท่าน และภารกิจของท่าน ในโลกนี้ก็จะจบสิ้นไป” ~ ความเห็นโดย พระอาจารย์ที่เคารพนับถือ ซวนหวา (มังสวิรัติ) แห่ง สมัชชาของพระอรหันต์สูตร (พระอมิตาภะสูตร)

ฉันอยากจะขอบคุณ พระมหากัสสปะ ที่มีเมตตาต่อฉันมา ณ ที่นี้ เราเป็นเพื่อนกันในชาติก่อน และเราก็ดีต่อกัน และเข้ากันได้ ขอบคุณสำหรับพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า ขอบพระคุณสำหรับชาม เหมือนบาตรพระ สำหรับพระเพื่อบิณฑบาต และขอบคุณท่านสำหรับ ผ้าสีเหลืองที่งดงามด้วย แต่ฉันคิดว่า ฉันไม่สามารถใช้สิ่งเหล่านี้ ที่ท่านให้มาได้ พระธาตุมีค่ามากเกินกว่า จะใช้เพื่อสิ่งอื่นใด และชาม ฉันคิดว่า จะเก็บไว้เป็นของที่ระลึก ฉันกังวลว่า ถ้าฉันใช้ทานอาหารแล้ว มันอาจพังได้ ฉันเลยอยากเก็บไว้ เป็นที่ระลึกและไว้เป็นที่เคารพ

และทุกวันนี้ คุณไม่สามารถจะห่มเจียชา จีวรพระ ไปบิณฑบาต ด้วยบาตร ไม่ได้ มันเป็นเรื่องยากมาก ที่จะใช้ชีวิตแบบนั้นในทุกวันนี้ เว้นแต่คุณจะอยู่ในประเทศ ที่นับถือศาสนาพุทธ - อย่าง อินเดีย ศรีลังกา เอาหลัก (เวียดนาม) หรือพม่า ฯลฯ ที่นั่น พวกเขาเข้าใจ ศาสนาพุทธ และพวกเขารู้ถ้าคุณต้องการอาหาร แต่ในสมัยของเรา พระมหากัสสปะจะเข้าใจ พระพุทธเจ้าก็ทรงเข้าใจว่า การบิณฑบาตเป็นเรื่องยากมาก โดยเฉพาะผู้หญิง และฉันก็ ไม่ได้อ่อนวัยแบบนั้นแล้ว ฉันจึงทานข้าวในบ้าน วันละมื้อเท่านั้น ทำการบ้านมากมาย ทั้งภายใน และภายนอก ดังนั้น ถ้าฉันออกไป ขออาหาร และกลับมา ฉันคิดว่ามันคงไม่สะดวก สำหรับฉัน แม้ว่าฉันจะรัก ชีวิตที่อิสระนั้นมาก มาก เป็นอย่างมากก็ตาม!!!

Photo Caption: ขอบคุณพระเจ้าที่ประทานความงาม และพลังในการรักษาแก่เรา!

ดาวน์โหลดรูปภาพ   

รับชมเพิ่มเติม
ทุกตอน  (5/10)
รับชมเพิ่มเติม
วีดีโอล่าสุด
38:04

ข่าวเด่น

40 รับชม
2024-12-20
40 รับชม
แบ่งปัน
แบ่งปันไปที่
ฝัง
เริ่มที่
ดาวน์โหลด
โทรศัพท์มือถือ
โทรศัพท์มือถือ
ไอโฟน
แอนดรอยด์
รับชมในบราวเซอร์ในโทรศัพท์มือถือ
GO
GO
Prompt
OK
แอพ
สแกนโค้ดคิวอาร์ เลือกระบบโทรศัพท์ที่ถูกต้อง เพื่อดาวโหลด
ไอโฟน
แอนดรอยด์