รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
ดังนั้นอาจารย์ที่แท้จริง จึงหาได้ยากเช่นกัน และฉันหวังว่าเขาหรือเธอ จะไม่ทุบตีคุณเหมือนที่ มาร์ปาทำกับมิลาเรปะ และพวกเขาก็ให้คุณรู้แจ้ง ทันทีในแบบที่ฉันมอบให้ กับลูกศิษย์ของฉันเอง ดังนั้นมันจึงขึ้นอยู่กับโชคของคุณ แต่เกณฑ์คือ คุณต้องเห็น แสงสว่างแห่งสวรรค์ และได้ยินเสียงสวรรค์ พระวจนะของพระเจ้า คำสอน ของพระพุทธเจ้าโดยตรง นั่นคือเกณฑ์เพราะถ้าคุณมองหาระบบ ศาสนาของคุณเอง เช่น นักบวช พระภิกษุ มุลลาห์ อิหม่าม ผู้เผยพระวจนะ หรืออะไรก็ตาม ที่คุณเรียก คุณอาจจะผิดหวัง เพราะอย่างที่ฉันบอกไป เหมือนแม่น้ำ มันไหลไปที่อื่น มันไม่ได้อยู่ ที่เดิมตลอดเวลา สักพัก มันก็หายไปใต้ดิน แล้วมันก็โผล่ มาที่อื่นอีก ดังนั้นการรู้แจ้งคือ สิ่งที่คุณแสวงหา ไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอกของ ผู้ที่ควรจะถ่ายทอด การรู้แจ้งนั้นแก่คุณ มันอาจจะอยู่ ในระบบศาสนาเดียวกัน มันอาจจะอยู่ในสถานที่เดียวกัน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นดังนั้น คุณต้องปรารถนา การรู้แจ้งอย่างแท้จริง – จงถ่อมตัว จริงใจ และปรารถนา และเมื่อคุณพร้อม อาจารย์จะปรากฏขึ้นเพื่อคุณ พระเจ้าจะทรงทำให้อาจารย์ ปรากฏแก่คุณทางใดทางหนึ่ง ทั้งทางตรงและทางอ้อม ผ่านทางใครบางคน หรือผ่านทางหนังสือ โทรทัศน์ วิทยุ หรือซีดี คุณต้องมีสัญชาตญาณเช่นนั้น ในหัวใจที่โหยหา และจริงใจ แล้วคุณจะพบกับอาจารย์ ไม่เช่นนั้นอาจารย์ก็จะตามหาคุณและเมื่อคุณพบแล้ว ให้ยึดติดกับเขา/เธอ เพียงแค่อยู่กับเขา/เธอ และฝึกฝนเฉพาะ สิ่งที่อาจารย์บอกคุณเท่านั้น ไม่มีอะไรมาก หรือน้อยไปกว่านั้น อย่ามองไปที่ทุ่งหญ้าอื่น แค่อยู่ในบริเวณที่หญ้าของคุณ เป็นสีเขียวและสบายตัว แม้ว่าหญ้าของเพื่อนบ้าน อาจดูเขียวขจีกว่า แต่ก็อาจไม่เป็นเช่นนั้น มันเป็นเพียงภาพลวงตา มันเป็นเพียงเงื่อนไข มันเป็นเพียงความคาดหวังของคุณ มันเหมือนกับอยู่ในทะเลทราย บางครั้งคุณมอง ไปไกล ๆ แล้ว ดูเหมือนเห็นทะเลสาบหรือสระน้ำ แต่เมื่อคุณไปถึง ก็ไม่มีอะไรเลย เพราะมันเป็นเพียงภาพลวงตา ในทะเลทราย ในสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว มันก็เหมือนกับว่าบางครั้ง บนถนน บนถนนลาดยาง คุณอาจเห็นสระน้ำข้างหน้า แต่เมื่อไปถึงที่นั่น ทุกอย่าง แห้งไปหมด ไม่มีอะไรแบบนั้นเนื่องจากฉันไม่ได้เขียนสคริปต์ ล่วงหน้า และไม่มี เครื่องบอกบทหรือ นักเขียนกำบังให้ด้วย ดังนั้นสิ่งที่ฉันจำได้ แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในลำดับ กขค โปรดเข้าใจด้วยตอนนี้เรากลับมาที่ วิธีการทำสมาธิ หรืออาจารย์ผู้สามารถถ่ายทอด การรู้แจ้งให้กับคุณ ด้วยพลังงานบางส่วนของท่าน ที่จะมอบให้กับคุณในช่วงเริ่มต้น เพื่อเพิ่มพลังให้กับคุณ ทีนี้ถ้าคุณคิดว่าแค่การบำเพ็ญตบะ แบบที่พระพุทธเจ้าทรงทำ แล้วจะทำให้คุณรู้แจ้งได้ ก็ให้คุณคิดใหม่ มันไม่ใช่แบบนั้น ไม่อย่างนั้นเหตุใดพระพุทธเจ้า จึงไม่ตรัสรู้ ในเมื่อพระองค์อดอาหาร ด้วยการบำเพ็ญตบะ – เกือบอดอาหารจนตาย และพระองค์ไม่ได้อะไรมาเลย จนพระองค์ตื่นมา ปฏิบัติต่อทางสายกลาง ไม่ใช่ทางสุดโต่ง แล้วพระองค์ก็ทรงตรัสรู้ หาอาจารย์อีกท่าน หรือปณิธานอย่างอื่น มีวิธีปฏิบัติอย่างอื่นด้วยไม่อดอาหาร ไม่ลงโทษตัวเอง ร่างกายของคุณไม่ได้ทำอะไรผิด ร่างกายเป็นวิหารของพระเจ้า เราต้องเคารพและ ดูแลมันให้ดี เพื่อที่จะช่วยให้ เราพบการรู้แจ้ง ในชีวิตนี้บนโลกนี้ มันก็เหมือนกับชาวม้า ที่ลากรถของคุณ คุณอาจคิดว่าเขาเป็น แค่ชาวสัตว์ แต่ถ้าไม่มีเขา รถลากของคุณก็ไปไม่ได้ ไม่สามารถลากคุณ ไปที่อื่นได้ หรือพา เพื่อน/ญาติของคุณ บนรถลากที่เขาบรรทุก เช่น รถม้า รถม้าลาก ดังนั้น คล้าย ๆ กัน ร่างกายมีความสำคัญเช่นกัน อย่าทำลายมัน อย่าวิ่งตามความปรารถนา หรืออัตตาอันต่ำต้อย แต่ดูแลมันให้ดี เข้าใจว่ามันคืออะไร และใช้มัน เคารพมัน กายเป็นวิหารของพระพุทธเจ้า และในศาสนาคริสต์ พวกเขากล่าวว่าเป็นวิหารของพระเจ้า โบสถ์ของพระเจ้า ดังนั้นดูแลเรื่องนั้นให้ดี แม้แต่พระพุทธเจ้า ก็ยังทรงปฏิบัติวิถีผิด บำเพ็ญตบะ จนเกือบสิ้นพระชนม์ พระองค์เกือบสิ้นพระชนม์ เพราะการปฏิบัติที่ผิด – ไม่ได้ให้สารอาหารแก่ ร่างกายเพียงพอด้วยซ้ำ หลาย ๆ คนทำอย่างนั้น และ พวกเขาก็ตายอย่างน่าสมเพชด้วย เมื่อเร็ว ๆ นี้อีกด้วย คนหนึ่งพยายามไม่กิน อะไรเลยแล้วก็ตายไปนักกินอากาศ – คุณต้องรู้วิธี คุณต้องได้รับ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ มิฉะนั้น อย่าลอง ฉันเพียงยังสาว และหุนหันพลันแล่น ดังนั้นเมื่อเจ้าอาวาส ล้อฉัน ว่าฉันกินมากเกินไป "มื้อเดียวเท่ากับ สามมื้อ" แต่มันไม่เป็นความจริง อย่างไรก็ตามมันไม่สำคัญ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง แล้วไงล่ะ? แต่หลังจากที่เขาพูดอย่างนั้น ฉันก็หยุดกิน แล้วเขาก็ตื่นตระหนก หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ตื่นตระหนกและถามต่อไป แต่ฉันก็โอเค ฉันทำงานทั้งหมดของวัดต่อไป และช่วยเขา ถอดเสียงสิ่งที่เขาพูด ใส่เครื่องบันทึก ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน และฉันไม่เคยรู้สึกอ่อนแอเลย ฉันไม่เคยรู้สึกไม่สบาย ฉันไม่เคยรู้สึกอยากอาหารใด ๆ เลย แม้ว่าฉันต้องทำอาหาร ให้พวกเขาและมันก็ถูก จัดเรียงต่อหน้าต่อตาฉันตลอดเวลา แต่ฉันไม่เคยรู้สึกหิว ไม่เคยรู้สึกอยากอาหารเลย ฉันรู้สึกเหมือนไม่มีตัวตน อยู่บนโลกนี้และ ฉันเดินบนสวรรค์ชั้นเก้า ทุกสิ่งเบามาก เบามาก เบามาก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีความสุข แต่แล้วฉันก็เริ่มกินอีกครั้ง และมื้อแรกก็มีรสชาติเหมือนฟาง หญ้าแห้ง หรืออะไรสักอย่าง มันไม่ได้รสชาติเหมือนอาหาร และฉันทำมันได้ต่อไปตลอดกาลด้วย เพราะไม่มีอะไร เกิดขึ้นกับฉันเลย ฉันเป็นนักกินอากาศได้นานขนาดนั้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สุดท้าย ฉันก็เลิก แค่เบื่อ ไม่มีอะไรมากพอ ที่จะทำให้ฉันสนใจที่จะทำ วิถีนักกินอากาศต่อไปตอนนี้คุณสามารถดื่มน้ำได้ คุณจะเป็นนักกินน้ำ หรือนักกินผลไม้ - มันไม่จำเป็นต้อง นักกินอากาศเสมอไป และคุณก็เป็นได้ คุณสามารถอยู่โดยไม่มีอาหารได้ แต่คุณต้องเตรียมตัว คุณอาจจะอ่อนแอมาก ตอนที่ฉันเป็นนักกินอากาศ หรือ แม้แต่ตอนที่ฉันกลับไปทานอาหาร มื้อเดียวต่อวัน หรือก่อนหน้านั้น ฉันไม่เคยรู้สึกลำบากเลย ฉันมีชีวิตอยู่ แต่ฉันรู้สึก เหมือนไม่มีร่างกายของฉัน ฉันเดินแต่รู้สึกเหมือน ไม่มีเท้าเลย ฉันพูด แต่ดูเหมือน ฉันไม่มีปากจะทำแบบนั้น มันเป็นเพียงสถานการณ์ที่ ตลกมาก ยากที่จะอธิบาย ฉันไม่ได้กินอะไรเลยในสมัยนั้น และฉันรู้สึกโอเค แล้วหลังจากนั้น อาจารย์ปรากฎอีกครั้ง และฉันคิด ว่า “โอ้ ต้องเป็นอย่างนั้นแน่” ต้องเป็นอาจารย์ที่ ต้องการอาหารเพื่อประหยัดเงิน ดังนั้นเขาจึงไม่อยาก ให้ฉันกินต่อไป เขาเลยล้อฉันแบบนั้น จนฉันรู้สึกแย่ และไม่อยาก เป็นแม่ชีอีกต่อไป แล้วเขาจะให้ พระที่เขาพามาที่นี่ มาแทนฉัน”ดังนั้น ผู้บำเพ็ญที่ บำเพ็ญตบะทั้งห้า ที่อยู่กับพระพุทธเจ้า พวกเขาก็ บำเพ็ญตบะอย่างสุดขั้ว เช่นกัน เช่น กินงา เพียงสองสามเมล็ด ดื่มเพียงเล็กน้อยต่อวัน ทุกวันเช่นนั้น เดิมทีพวกเขาดูหมิ่น พระพุทธเจ้าเพราะคิด ว่าพระองค์อ่อนแอมาก พระองค์ทรงเลิกกลางคันอย่างนั้น พระองค์ไม่เก่ง แต่พระพุทธเจ้า ทรงเปลี่ยนไปวิธีอื่น และทรงทำสำเร็จ เป็นพระพุทธเจ้า ส่วนอีกห้าคนยังติดอยู่ ในการบำเพ็ญตบะนี้โดย เชื่อว่านั่นคือหนทาง แห่งการรู้แจ้ง นั่นคือหนทางแห่งความหลุดพ้น นั่นไม่ถูกต้อง ไม่ถูกต้องเลย แม้จะไม่ได้กินอะไรเลย คุณก็อาจไม่สามารถ รู้แจ้งได้ คุณต้องมีอาจารย์ แล้วฝึกฝนสักระยะหนึ่ง จนกว่าคุณจะทำมันได้ด้วยตัวเอง แล้วอาจารย์ก็ ไม่ต้องเฝ้าคุณและบุคคลทั้งห้า ที่ยังเป็นนักพรต ไม่ได้รู้แจ้งเลย แค่หงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ น้ำหนักลดมากขึ้นเรื่อย ๆ สูญเสียความตั้งใจที่จะดำเนินต่อไป และพวกเขาก็เศร้าหมอง ดังนั้น สิ่งที่ฉันหมายถึง คือการเป็นนักพรตไม่ได้ นำคุณไปสู่พุทธภาวะ ไม่ได้ทำให้คุณรู้แจ้ง หลังจากที่พระพุทธเจ้าตรัส กับทั้งห้าคนเท่านั้น - อธิบายให้พวกเขาฟังและ อธิบายหนังสือศาสนาในศาสนา ของพวกเขาให้พวกเขาฟัง - หลังจากนั้นพระพุทธเจ้า ก็ทรงประทับจิตให้ที่นั่น ดังนั้นพวกเขาจึงได้ รู้แจ้งอย่างมหาศาล ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรู้สึก ขอบคุณพระพุทธเจ้าเป็นอย่างมาก ลูกศิษย์ที่ดีทุกคนรู้สึก ขอบคุณอาจารย์เพราะ พวกท่านพาพวกเขาไปสู่ ความหลุดพ้นอย่างแท้จริงเห็นไหมว่าหลังจากที่ พระพุทธเจ้าทรงสอน นักพรตทั้งห้านี้และ สอนวิธีการ แล้วพวกเขา ก็ได้รู้แจ้ง และติดตามพระพุทธเจ้าด้วย ไม่เช่นนั้นเพียงพุทธดำรัส อย่างเดียวคงไม่พอ พระองค์ต้องมอบสายเลือด พลังงานของพระองค์บางส่วน ให้กับบุคคลทั้งห้า แน่นอน ยิ่งมีผู้ประทับจิต ต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้า มากเท่าไหร่ อาจารย์ยิ่งต้องรับกรรม มากขึ้นเท่านั้น และอาจารย์บางคนเสียชีวิต เพราะเหตุนั้น บางคนก็เสียชีวิตทันทีถ้ามี ลูกศิษย์ที่เลวทรามมารวมตัวกัน อยู่ที่นั่นหรือมีคนมากเกินไป แต่มันก็ขึ้นอยู่กับ บางคนมีความจริงใจ ทางจิตวิญญาณที่ มั่นคงอยู่แล้ว จากนั้นบางครั้ง เขาได้พบกับอาจารย์โดยบังเอิญ เพียงสบตาจากท่าน แล้วเขาก็จะตายอย่างสงบ และไปสวรรค์แทนนรก หรือที่ใดก็ตามที่ระดับต่ำกว่า ที่เขาควรจะไป เพราะอาจารย์มีพลัง มหาศาลและสามารถอวยพร ใครก็ตามที่ท่าน เขา/เธอชอบPhoto Caption: อาจจะเปราะบาง แต่ยังคงส่องสว่าง ประภาคารแห่งความรัก
